แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Gun แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Gun แสดงบทความทั้งหมด
Loading...

ในงาน IWA Outdoor Classic ที่เมือง Nuremburg ประเทศเยอรมนี เดือนมีนาคม 2015 นี้เอง ซีแซดเปิดตัวปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุด CZ 75 TS Orange โดยตัวย่อ TS คือ Tactical Sports เป็นรุ่นเดิม ซีแซดทำขายมาตั้งแต่ปี 2005 สำหรับแข่งรณยุทธ์โดยตรง ทางโรงงานให้ข้อมูลว่า TS Orange ที่ออกใหม่จะเป็นรุ่นสุดยอดในกลุ่มปืนที่ใช้ศูนย์เปิดและไม่ติดอุปกรณ์เสริมปาก ลำกล้อง ผ่านมาหกเดือนปืนรุ่นพิเศษนี้จึงเข้ามาถึงบ้านเรา

ปืนแข่งของซีแซดที่พัฒนาจาก CZ 75 ในตลาด มีอีกตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูง คือ 75 SP-01 Shadow โดยมีรุ่น Orange (เดลินิวส์ 10 พ.ย. 2555) ติดด้ามอะลูมิเนียมสีส้มเหมือนตัวใหม่นี้ ความแตกต่างคือ TS ลำกล้องยาวกว่า 14 มิลลิเมตร, โครงปืนส่วนหน้าไม่มีรางรับอุปกรณ์ แต่เพิ่มแป้นให้นิ้วโป้งซ้ายกดมาให้, ด้ามด้านหน้าแกะลายกันลื่นเต็มพื้นที่, มีปากบ่อรับซองกระสุนเสริมส้นด้าม, จุกระสุน มากกว่า, แป้นห้ามไกกว้างกว่า, ไกซิงเกิลออกแบบสำหรับปืนแข่งโดยเฉพาะ และติดศูนย์ปรับได้ โดยทั้ง Shadow และ TS เหมาะสำหรับลงแข่งในรุ่น Limited




ระบบการทำงาน เป็นแบบซีแซดดั้งเดิม ทำงานด้วยรีคอยล์ สันขัดกลอนซ่อนในลำเลื่อนหน้าช่องสลัดปลอก ลำกล้องกระดกเพื่อปลดกลอนตามหลักการเบรานิงก์ ใช้ห่วงลูกเบี้ยวควบคุมการขัดกลอน โครงปืนหุ้มลำเลื่อนมีร่องจับยาวตลอด มีส่วนช่วยเพิ่มความแม่นยำ ชื่อรุ่นไม่มีตัว B ต่อท้าย คือไม่ใช้สมอล็อกเข็ม ไกเปลี่ยนใหม่ เป็นแบบซิงเกิลทุกนัด น้ำหนักไกเพียงสามปอนด์ครึ่ง ส่วนควบคุมการยิง มีห้ามไกทั้งซ้ายขวา ง้างนกเข้าห้ามไกได้แบบปืนซิงเกิลคลาสสิกคันห้ามไกด้านซ้ายเพิ่มแป้นรับนิ้วโป้งของมือ ขวา นกสับโปร่ง มีร่องรับนกตกเป็นระบบนิรภัยภายใน
Loading...


ภายนอกมีจุดเด่นเห็นชัดคือด้ามอะลูมิเนียมชุบผิวแข็งอโดไนซ์ สีส้ม แบนบางกว่าด้ามยางหรือพลาสติกแข็ง มีฐานซองกระสุนวัสดุและสีเดียวกัน ตัดกับบ่อรับที่ส้นด้ามสีดำ ด้านซ้ายของโครงปืนเหนือไกเยื้องไปด้านหน้าเล็กน้อย มีแป้นสำหรับให้นิ้วโป้งมือซ้ายกด ช่วยให้คุมปืนได้ดีขึ้น ยิงซ้ำได้เร็ว และหากต้องการติดกล้องเล็งสามารถถอดเปลี่ยนแป้นรับนิ้วโป้งเป็นฐานกล้องได้ ศูนย์หลังดำทึบแบบยิงเป้า ศูนย์หน้ามีเส้นรวมแสงสีแดงเล็งได้เร็ว ปุ่มปลดซองกระสุนสูงแบบปืนแข่ง กลับข้างไปด้านขวาได้ ตัวปืนมาในกระเป๋าอย่างดี ขนาดเท่ากระเป๋าเอกสาร มีสปริงมาหลายระดับความแข็งให้เลือกใช้ได้ตามความแรงของกระสุน แถมแผ่นยางสังเคราะห์รับแรงกระแทกโคนแกนสปริงนกสับอีกหลายชิ้น โรงงานให้ซองกระสุนสามซอง ผู้นำเข้าสั่งเพิ่มให้เป็นสี่ตัวแบบรู้ใจลูกค้ากลุ่มนักกีฬารณยุทธ์




โดยรวม CZ 75 TS Orange เป็นปืนแข่งพร้อมลงสนามไม่ต้องแต่งเสริมความแม่นยำสูงสามารถใช้แข่งล่ารางวัลระบบเป้านิ่งได้สบาย นอกเวลาแข่งใช้เป็นปืนเฝ้าบ้านได้ดี วัสดุเป็นเหล็กล้วน มั่นใจได้ด้านความแข็งแรงทนทาน ยิงได้นิ่มนวลมาก ไกซิงเกิลหลุดคม ผิวรมดำด้านสวยเนียนเป็นพิเศษ ถ้าต้องการใช้งานเป็นปืนพกซองนอกสามารถถอดแป้นรับนิ้วโป้ง กับเปลี่ยนใส่ด้ามดำได้เพื่อไม่ให้สะดุดตาเกินไป.

Loading...

Loading...

วิดีโอต่อไปนี้มีเนื้อหากราฟิกมากเพิ่มเข้ามาเพื่อทำให้เข้าใจง่ายขึ้น แนะนำให้ใช้ดุลยพินิจของผู้ดูเพราะมีเนื้อหารุนแรง
ชมคลิป


Loading...


ตั้งแต่แรกเริ่ม โคลท์ตั้งใจทำ ไพธ่อนให้เป็นปืนตลาดบน เน้นความละเอียดประณีตในการเก็บงาน แต่งผิว มีระบบล็อกโม่ไม่ให้ขยับขณะนกสับ แต่งไกแบบสุดฝีมือช่างของยุคนั้น รมดำแบบ “รอยัล บลู” (Royal Blue) สวยงามมาก คู่กับรุ่นชุบนิเกิล สีเงินเงาวับ เมื่อผนวกกับทรงลำกล้องที่มีทั้งสะพานเจาะช่องด้านบน, แท่งถ่วงน้ำหนักด้านล่าง และศูนย์หลังปรับได้ ทำให้ได้ภาพปืนที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นถูกใจนักนิยมปืนลูกโม่จำนวนมาก การแต่งผิว รอยัล บลู นี้ กล่าวได้ว่าเป็นงานรมดำปืนที่สวยที่สุดเท่าที่โรงงานทำได้ ส่วนผิวนิเกิลก็สวยงามไม่แพ้กัน และต้านสนิมได้ดีมาก ต่อมาเมื่อเข้ายุคสเตนเลสส์ โคลท์เลิกทำผิวนิเกิล โดยทำรุ่น ซาติน สเตนเลสส์ (Satin Stainless) ปัดด้าน กับรุ่น อัลติเมท (Ultimate) ขัดเงาเหมือนรุ่นก่อนที่ชุบนิเกิล




ในปี ค.ศ. 1970 โคลท์ เสริมความขลังให้ ไพธ่อน ด้วยการใช้อุปกรณ์เลเซอร์ตรวจวัดแนวลำกล้องกับช่องโม่ นับเป็นรายแรกในวงการปืน ทำให้ชื่อเสียงของไพธ่อนยิ่งขจรขจาย ผนวกกับการกำหนด สเปกช่วงห่างจากหน้าโม่ถึงท้ายลำกล้อง ที่แคบกว่ามาตรฐานปืนใช้งานทั่วไป ส่งผลให้ความเร็วกระสุนที่ยิงจากไพธ่อน วัดได้สูงกว่าปืนจากคู่แข่งที่ความยาวลำกล้องเท่ากัน เรียกว่าทั้งสวยกว่า แม่นกว่า แรงกว่า จนได้รับการยกย่องว่า เป็นปืนลูกโม่ตรงจากโรงงานที่ดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยผลิตกันมา ถ้าจะมีคู่เปรียบเทียบแบบไม่ยอมน้อยหน้าก็คือ “คอร์ท” (Korth) ของเยอรมัน และ “ฟรีดอม อาร์มส์” (Freedom Arms) ซึ่งรายหลังนี้เป็นปืนลูกโม่ระบบซิงเกิลแอ๊คชั่น ทั้งสองยี่ห้อต่างก็จัดว่าเป็นปืนราคาแพงเหนือตลาดทั่วไป



Loading...

ด้วยต้นทุนผลิตที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้โคลท์ไพธ่อนไม่สามารถรักษายอดขายไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ สมิธฯ ออกรุ่น 586 (รมดำ) และ 686 (สเตนเลสส์) มาประกบ โดยทำหลังสะพาน และฝักหุ้มก้านคัดปลอกยาวตลอดถึงปลายลำกล้อง ได้รูปทรงและน้ำหนักใกล้เคียงกับไพธ่อน แม้ความประณีตสวยงามจะด้อยกว่า แต่ราคาก็ต่ำกว่ามาก ในที่สุด โคลท์ก็ถอดไพธ่อนออกจากสายการผลิตปกติในปี ค.ศ. 1999 โดยยังรับสั่งทำรายกระบอก จนถึงปี ค.ศ. 2003 จึงเลิกทำโดยสิ้นเชิง ปิดตำนานยอดปืนลูกโม่ดับเบิลสัญชาติอเมริกัน




โดยรวม โคลท์ไพธ่อน เป็นปืนลูกโม่ที่ผลิตมาอย่างละเอียดประณีต ความแม่นยำสูง ระบบไกเรียบลื่น โครงหนา โม่หนา แข็งแรงทนทาน โรงงานเลิกผลิตไปกว่าสิบปี ปืนเก่าสภาพดียังพอหาได้แต่ราคาค่อนข้างสูง กระบอกตัวอย่างชุบทอง แตกต่างจากไพธ่อนทั่วไปที่เป็นเหล็กรมดำ, ชุบนิเกิล หรือเป็นสเตนเลสส์ ทั้งแบบปัดด้านและขัดเงา รุ่นลำกล้องสี่นิ้วใช้เป็นปืนพกซองนอกได้ดีแต่จากราคาที่สูงทำให้เจ้าของส่วนใหญ่เก็บเป็นปืนสะสมมากกว่าจะใช้งานจริง รุ่นหกนิ้วยาวและหนักไม่สะดวกในการพกพา แต่ความแม่นยำดีมากระดับปืนยิงเป้าแข่งขัน.




ข้อมูลสรุป Colt Python


ขนาดกระสุน .357 แม็กนั่ม / .38 สเปเชียล โม่จุ 6 นัด


มิติตัวปืน    ยาวxสูงxหนา : 232x138x39 มิลลิเมตร


ลำกล้องยาว    104 มม. (4.1 นิ้ว)


น้ำหนัก    1,160 กรัม


แรงเหนี่ยวไก    ดับเบิล 5,900 กรัม (13 ปอนด์); ซิงเกิล 1,350 กรัม (3 ปอนด์)


วัสดุ    เหล็กชุบทอง (รุ่นปกติรมดำ, ชุบนิเกิล)


อื่นๆ    มีรุ่นลำกล้อง 2.5 นิ้ว, 6 นิ้ว, 8 นิ้ว และวัสดุสเตนเลสส์


ลักษณะใช้งาน    ปืนสะสม, พกซองนอก, ต่อสู้ระยะปานกลาง


ตัวเลือกอื่น    Ruger GP100, Smith 686


ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช 



ขอขอบคุณข้อมูลจาก : dailynews.co.th
Loading...

Loading...
ปืนพกกึ่งอัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุดจาก  ซีแซด (Ceska zbrojovka Uherska Brod : CZUB) แห่งสาธารณรัฐเช็ก เป็นวิวัฒนาการต่อเนื่องของปืนในตระกูล ซีแซด 75 ที่ออกวางขายมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 ในยุคที่ปืนพกส่วนใหญ่ยังใช้โครงเหล็ก ซีแซด 75 รวบรวมจุดเด่นของปืนสามแบบสามยี่ห้อ คือ ซองกระสุนสองแถวลูกดกเหมือน เบรานิงก์ ไฮเพาเวอร์, โครงปืนกับระบบขัดกลอนเหมือน ซิก P210 เพื่อความแม่นยำ, และใช้ไกดับเบิล/ซิงเกิล เหมือนวอลเธอร์ P38  ยิงนัดแรกได้ไม่ต้อง   ง้างนก โดย ซีแซดออกแบบให้เข้าห้ามไกแล้วนกยังง้างค้างเหมือน ปืนไกซิงเกิล ผู้ใช้สามารถเลือกพกพาแบบ “cocked and locked ” ได้เช่นเดียวกับปืน 1911 ยอดนิยม



 จากปืนเหล็กล้วนรูปทรงคลาสสิก  ซีแซดปรับแบบเพื่อเสนอขายเป็นปืนตำรวจ ใช้ลำกล้องสั้นลงเล็กน้อย, โครงปืนอัลลอยส่วนครอบกันฝุ่นยาวเสมอปลายลำเลื่อนด้านหน้า, มีรางรับอุปกรณ์ใต้โครงปืน ระบบการทำงานยังเหมือนเดิม เรียกชื่อรุ่นว่า CZ75 P-01 โดยอักษร P หมายถึง Police ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี ตำรวจเช็กซื้อเป็นปืนประจำการตั้งแต่ปี 2001 ต่อมา ซีแซดเพิ่มรุ่นโครงเหล็ก เพิ่มอักษร S ในรหัสชื่อรุ่น คือ SP-01 เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่ยิงมากยิงบ่อย เน้นความทนทาน เช่นนักกีฬารณยุทธ์เป็นต้น



 ในด้านปืนกีฬานี้ ซีแซดคว้าตัวแชมป์เยาวชน      ร่วมสัญชาติ คือ อดัม ทีช (Adam Tyc) แต่งอุปกรณ์ให้อย่างดี จนทีช คว้าตำแหน่งแชมป์โลกได้ในปี 2008 ซีแซดอาศัยผลงานยอดเยี่ยมนี้มาสนับสนุนการขาย โดยแต่งปืนในลักษณะเดียวกัน เรียกว่า SP-01 Shadow เริ่มขายในปี 2011 มีจุดสังเกตภายนอกคือศูนย์ทรงสูง     ให้เล็งยิงได้เร็ว ส่วนภายในเปลี่ยนใช้ชุดลั่นไกแบบ CZ75 ดั้งเดิม ไม่มีสมอล็อกเข็ม ช่วยให้แต่งไกได้คม และหน้าเซียร์กว้าง ยืดอายุใช้งาน



 ปืนนายแบบสัปดาห์นี้ ซีแซดใช้ชื่อ  รุ่นสั้น ๆ คือ ชาโดว์ ทู (Shadow 2) ไม่มี 75 SP-01 นำหน้าเหมือนแต่ก่อน ซึ่งแสดงถึงความสำเร็จในสนามแข่งของปืนตระกูล   ชาโดว์ ซีแซดให้ข้อมูลว่า ใช้เวลาสองปีในการปรับแต่งรายละเอียด เพื่อให้ ชาโดว์ ทู เป็นปืนที่พร้อมลงสนามแข่งเต็มที่ จุดที่สำคัญคือลำกล้องที่ยาวขึ้นเป็น 4.9 นิ้ว ช่วยเพิ่มความเร็วกระสุน และยืดระยะระหว่างศูนย์ให้เล็งได้ประณีตขึ้น และน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นช่วยให้ยิงได้นิ่มนวล ยิงซ้ำได้เร็วขึ้น มิติตัวปืนยังลงกล้องมาตรฐานได้ตามกติกา โครงปืนด้านหลังปรับให้จับได้สูงขึ้น ส่วนโค้งที่ง่ามมือรับกับประกับด้ามอย่างลงตัว ไม่มีเหลี่ยมคมเหมือนโครง 75 เดิม



 ตัวปืนมาในกล่องแบบกระเป๋าหิ้วสวยงาม มีซองกระสุนรวมสามชิ้น พร้อมกับยางกันกระแทกปลายแกนสปริงลำเลื่อน ตัวปืนแต่งผิวดำด้าน Arcor finish คือเคลือบไนไตรท์ สวยเรียบทนทานมาตรฐานปืนทหาร ด้ามปืนเป็นอะลูมินัมอัลลอยบางกว่า ด้ามยางสีฟ้าอมเขียวแบบน้ำทะเลสวยงามมาก ศูนย์หน้ามีเส้นรวมแสงแดง ศูนย์หลังแบบยิงเป้ารูปร่างเหมือนเดิมแต่ปรับสูงต่ำได้ เมื่อจับปืน ขึ้นมาจะรู้สึกถึงน้ำหนัก 1,330 กรัม จัดเป็น 9 มม. ที่หนักที่สุดกระบอกหนึ่ง หนักกว่า โมโนลิธ เฮฟวีเวท ของเลส เบเออร์ (1,280 กรัม) เล็กน้อย.
 ...................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : dailynews

Loading...


คุณสมบัติของผู้ขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน                           
- บรรลุนิติภาวะ                           
- สภาพร่างกายปกติไม่พิการหรือทุพพลภาพ                           
- ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ                           
- มีชื่อในทะเบียนบ้านและมีถิ่นที่อยู่ประจำในท้องที่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน                           
- ไม่เคยต้องโทษจำคุกคดีอาญา   
                        

เอกสารประกอบคำขออนุญาต/การขออณุญาตซื้อปืนและเครื่องกระสุนปืน                 
ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการอื่นๆ หรือพนักงานองค์กรของรัฐ                           
  - บัตรประจำตัวข้าราชการหรือพนักงาน (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)                           
  - ทะเบียนบ้าน(ฉบับจริง พร้อมสำเนา)                           
  - หนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชารับรองตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน ความประพฤติ  และเหตุผลความจำเป็นที่ขออนุญาตที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน
  - ผู้ออกหนังสือรับรองต้องเป็น ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ระดับผู้อำนวยการกอง หรือเทียบเท่าขึ้นไป
  - ข้าราชการตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการกอง หรือเทียบเท่าขึ้นไปไม่ต้องมีหนังสือรับรอง
  - หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน                           



ข้าราชการทหารหรือตำรวจ                           
  - บัตรประจำตัวข้าราชการหรือพนักงาน (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)                           
  - ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)                           
  - หนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชารับรองตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน ความประพฤติ                           
     และเหตุผลความจำเป็นที่ขออนุญาต ที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน                           
  - ผู้ที่ออกหนังสือต้องเป็นผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดที่มียศตั้งแต่พันเอกหรือพันตำรวจเอกขึ้นไป              - ผู้มียศตั้งแต่พันเอกหรือพันตำรวจเอกขึ้นไปไม่ต้องมีหนังสือรับรอง                           
  - หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน                           



ประชาชนทั่วไป หรือผู้ประกอบอาชีพอื่น                      
   - บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)                           
   - ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)                           
   - หลักฐานการประกอบอาชีพ อาทิเช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือร้าน หากเป็นลูกจ้างหรือรับจ้างต้องมีหนังสือรับรองตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน จากผู้ที่มีอำนาจจัดการของกิจการนั้นหรือเจ้าของแล้วแต่กรณี หากมิได้มีอาชีพรับจ้างต้องมีเอกสารประกอบตามที่อ้างอิง อาทิเช่น ทำสวน ทำไร่ ติดต่อค้าขายที่ หรือค้าขายย่อย หรือเร่ขาย โดยไม่ได้จดทะเบียน ต้องนำหลักทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดิน เงินฝากธนาคาร (Statement) หรือหลักฐานอื่นเพื่อประกอบการพิจารณา      
  - หนังสือรับรองความประพฤติและเหตุผลความจำเป็นที่ขออนุญาตจากข้าราชการระดับ 6 ขึ้นไป  หรือตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไป                           
  - พิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบประวัติ และสืบสวนความประพฤติ                           
  - หากขออนุญาตเพื่อการกีฬาจะต้องนำหลักฐานการเป็นสมาชิกสนามยิงปืนมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน มาประกอบการพิจารณา                           
  - หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน                           



การขออนุญาตซื้ออาวุธปืนจากบุคคล                           
  - หลักฐานเอกสารเช่นเดียวกับการขออนุญาตซื้อปืนและเครื่องกระสุน                           
  - สำเนาบัตรประจำตัวและทะเบียนบ้านของผู้โอน พร้อมใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (ป.4) ฉบับจริงของอาวุธปืนที่จะโอน                           
  - ผู้โอน(เจ้าของเดิมกับผู้ขอรับโอน) ต้องบันทึกการยินยอมการโอนต่อหน้านายทะเบียนไว้ในหลังใบอนุญาต(ป.4) ว่าโอนปืนกระบอกนี้ ให้ใคร มีค่าตอบแทนเท่าใด  หรือโอนไม่คิดค่าตอบแทน เนื่องจากอะไร แล้วลงนามไว้เป็นหลักฐานพร้อมผู้รับโอนลงนามไว้ด้วย                           
  - หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน                           
  - หากขออนุญาตเพื่อการกีฬาจะต้องนำหลักฐานการเป็นสมาชิกสนามยิงปืนมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน มาประกอบการพิจารณา                           
  - นำอาวุธปืนที่ขอรับโอนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในวันที่ยื่นคำร้อง                           

การขอรับโอนอาวุธปืนมรดก (เจ้าของปืนตาย)
  - ผู้ที่มีอาวุธปืนหรือใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน(ป.4) อยู่ในครอบครองต้องแจ้งการตายต่อนายทะเบียนท้องที่ภายใน
    30 วัน นับแต่วันที่ตายพร้อมนำใบอนุญาต(ป.4) และอาวุธปืนมอบให้นายทะเบียนด้วย
  - ใบมรณบัตร พร้อมสำเนา
  - สำเนาคำสั่งศาลกรณีศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
  - ถ้ามีผู้จัดการมรดกเสนอได้เลย
  - ถ้าไม่มีผู้จักการมรดก ต้องสอบทายาททั้งหมด ว่ายินยอมสละปืนแล้วเสนอนายทะเบียนฯ
  - ผู้ขอรับโอนปืนมรดกนำหลักฐานเอกสารประกอบคำร้องเช่นเดียวกับการขอรับโอนอาวุธปืนจากบุคคลมายื่นต่อ



    นายทะเบียนท้องที่พร้อมเอกสารข้างต้น
  - หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
  - นำอาวุธปืนที่ขอรับโอนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในวันที่ยื่นคำร้อง
การแจ้งการย้ายอาวุธปืน 
  - ต้องยื่นคำร้องขอย้ายอาวุธปืนต่อนายทะเบียนท้องที่เดิม และนายทะเบียนท้องที่ซึ่งย้ายไปอยู่ใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่
    วันย้ายออกไปและวันที่ไปถึง
  - ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
  - บัตรประจำตัว (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
  - นำอาวุธปืนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ                  
  - ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม                  
การออกใบแทนหรือคัดสำเนาใบอนุญาตอาวุธปืน                  
  - ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)                  
  - บัตรประจำตัว (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)                  
  - กรณีใบอนุญาตสูญหาย แจ้งความสถานีตำรวจท้องที่ที่ใบอนุญาตหาย แล้วนำใบแจ้งความพร้อมคัดสำเนาประจำวันด้วย                  
  - นำอาวุธปืนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
             
อัตรค่าธรรมเนียมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน            
  1. ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน                  
     - ปืนยาวประจุปาก ปืนอัดลม        ฉบับละ     100  บาท                                                      
     - ปืนอื่นๆ                  ฉบับละ        500  บาท                                                                
  2. ใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว      ฉบับละ        1,000  บาท                                                
  3. ใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน               กระบอกละ       5  บาท                                               
  4. ใบอนุญาตให้ซื้อกระสุนปืน นอกจากกระสุนอัดลม            1 บาท                                                ร้อยละหรือเศษของร้อย                  
  5. ใบแทนใบอนุญาต                  
     - ใบแทนใบอนุญาติให้ทำ ค้าอาวุธปืน          ฉบับละ      20  บาท                                        
       เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด
     - ใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบซ่อมแซม            ฉบับละ       15  บาท                                  
       หรือเปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน
     - ใบแทนใบอนุญาตอื่นๆ                  ฉบับละ        5  บาท      

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.gun.in.th

Loading...

ในปีสุดท้ายของศตวรรษที่ 19 คือ ค.ศ.1899 สมิธแอนด์เวสสัน เริ่มผลิต ปืนลูกโม่รุ่นใหม่ ใช้ชื่อว่า Hand Ejector Military & Police Model ที่เรียกชื่อนี้เพราะการเปิดโม่ออกข้างแล้วกดก้านคัดปลอกด้วยมือยังเป็นของใหม่สำหรับสมิธฯ คือจดสิทธิบัตรในปี 1895 และทำรุ่นแรกในขนาด .32 แทนระบบ “หักคอ” ที่ยกปลอกอัตโนมัติ มาถึงรุ่นที่สองนี้ สมิธฯ ตั้งใจทำให้เป็นปืนทหารตำรวจ จึงใช้ชื่อที่ต่อมาย่อเป็น M&P ออกขายพร้อมกระสุนแรงสูง .38 Special ที่เพิ่งออกแบบใหม่ ในปีนั้น ปืนส่งท้ายศตวรรษกระบอกนี้ เป็นจุดกำเนิดของลูกโม่โครงขนาดกลาง “K-frame” ที่จะกลายเป็นปืนลูกโม่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์




 จากปืนทหาร/ตำรวจ ที่ใช้ร่องบากท้ายโครงปืนเป็นศูนย์หลังเน้นความแข็งแรง สมิธฯ ติดศูนย์ปรับได้ให้ปืน M&P ตั้งชื่อรุ่นว่า Outdoorsman เพิ่มขนาดกระสุน .32 และ .22 LR ให้เลือกได้ ทั้งสามขนาดได้รับการยกย่องว่าเป็นปืนยิงเป้าชั้นเยี่ยมของยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง แม้จะ เปิดตัวในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำและราคาค่อนข้างแพง ก็ยังขายได้ดี เฉพาะขนาด .22 มียอดผลิตกว่า 17,000 กระบอก ก่อนที่ สมิธฯ จะหยุดทำปืนขายชั่วคราวระหว่างรับงานรัฐบาลผลิตปืนทหารสำหรับสงครามโลก




 หลังสงคราม สมิธฯยกระดับลูกโม่ยิงเป้าโครง K ทั้งสาม ขนาด ผลิตใหม่ในชื่อ Target Masterpiece เรียกขานกันด้วยรหัสโครงปืนและขนาดกระสุน คือ K-38, K-32 และ K-22 ตามลำดับ ออกขายในปี 1947 ลักษณะเป็นปืนยิงเป้าเต็มตัว ลำกล้องหกนิ้ว ติดศูนย์หน้าตัดฉาก ศูนย์หลังปรับได้, รุ่น K-38 ที่ใช้กระสุน .38 Special ขายดีที่สุด ตามด้วย K-22 สมิธฯจึงเพิ่มรุ่นลำกล้องสี่นิ้ว ศูนย์หน้าลาดแบบต่อ สู้ เปลี่ยนชื่อเป็น Combat Masterpiece รวมแล้วมีปืนในชุด “มาสเตอร์พีซ” ห้ารุ่น ซึ่งต่อมาในปี 1957 ได้ชื่อรหัสตัวเลขเป็น โมเดล 14, 15, 16, 17, 18 ไล่เรียงกัน รุ่นคอมแบ็ตคือ 15 กับ 18




จากระดับความนิยมที่แตกต่างกัน สมิธฯ ยกเลิกการผลิต โมเดล 16 (.32, ลำกล้องหกนิ้ว) กับ โมเดล 18 (.22 ลำกล้องสี่นิ้ว) เหลือโมเดล 14, 15, 17 ที่ทำต่อเนื่องยาวนาน ผ่านช่วงที่ สมิธฯ เน้นวัสดุสเตนเลส ลดปืนรมดำ จนถึงยุคของปืนกึ่งอัตโนมัติ “เก้าลูกดก” ที่ผลิตง่ายกว่า ทำกำไรต่อหน่วยได้มากกว่าปืนลูกโม่ ในที่สุด สมิธฯ หยุดผลิตโมเดล 14, 17 ในปี 1998 และโมเดล 15 ในปีถัดมา รูปการณ์เหมือนจะปิดฉากปืนลูกโม่ K-Frame เมื่ออายุครบ 100 ปีพอดี




 ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่จำเป็นต้องผลิตจำนวนมากเพื่อลดต้นทุนเหมือนแต่ก่อน สมิธฯ สร้างแบรนด์ย่อย “Classic Series” นำปืนลูกโม่ยอดนิยมในอดีตมาผลิตใหม่อีกครั้ง ปืน K-22 กลับมาเกิดใหม่ในปี 2009 ใช้ชื่อว่า Model 17 Masterpiece จดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้า สมิธฯ พยายามรักษารูปแบบตัวปืนดั้งเดิมให้มากที่สุด ใช้เหล็กรมดำเงางามมาก, ลำกล้อง 6 นิ้ว หลังถนน ไม่มีฝักหุ้มก้านคัดปลอกให้หนักเกินจำเป็น, ติดศูนย์ยิงเป้าตัดฉาก, โม่หกนัด คว้านช่องแบบเก็บจานท้ายกระสุน, นกใหญ่, ปุ่มปลดโม่แบบดั้งเดิม, ด้ามไม้มาตรฐาน, มีที่แตกต่างจากของเดิมคือ ลำกล้องแบบสองชั้น, หน้าไกเรียบไม่เซาะร่อง และเพิ่มกุญแจล็อก ซึ่งเป็นข้อกำหนดของบางรัฐ


 โดยรวม โมเดล 17 มาสเตอร์พีซ กระบอกนี้ จัดเป็นปืน “ย้อนยุค” ที่สวยคลาสสิก และใช้งานได้จริง ด้วยความแม่นยำระดับปืนยิงเป้า ใช้กระสุนราคาประหยัด รีคอยล์ต่ำ ใช้งานง่ายตามแบบฉบับปืนลูกโม่ เหมาะสำหรับฝึกซ้อมยิงเป้า และใช้เฝ้าบ้านได้เมื่อจำเป็น.
 .................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช


Loading...



ประวัติของปืนกระบอกนี้

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง กีฬายิงปืนได้รับความนิยมอย่างสูงในสหรัฐ โดยสมาคมยิงปืนแห่งชาติ คือ NRA (National Rifle Association) เป็นผู้กำหนดกติกา ให้แข่งยิงปืนสั้นแม่นยำด้วยปืนสามกระบอก คือ ลูกกรด .22 ตัวแทนประชาชน, ปืนชนวนกลาง ตัวแทนตำรวจไม่กำหนดขนาดกระสุน, และ .45 ตัว แทนปืนทหาร ในระยะเริ่มแรกมีปืนลูกโม่ยิงเป้าในชุด มาสเตอร์พีส ของสมิธฯ ทำโมเดล 14, 16, 17, 25 ขนาดกระสุน .22, .32, .38 และ .45 ตามลำดับ ผู้ที่ถนัดปืนลูกโม่สามารถใช้ปืนที่รูปทรงและการทำงานใกล้เคียงกันที่สุดสามกระบอก เพื่อลงแข่งได้ครบ ส่วนผู้ที่ชอบปืนกึ่งอัตโนมัติมักใช้ปืน M1911 แต่งลงแข่งทั้ง .45 และชนวนกลาง โดยเลือกปืน .22 ที่มุมด้ามเท่ากับปืนทหาร เช่น ไฮสแตนดาร์ด กับ สมิธ โมเดล 41 ใช้เพียงสองกระบอกแข่งได้ทั้งสามประเภทเช่นกัน



จากระบบการยิง ช้า-เร่ง-เร็ว จับเวลาเป็นชุดห้านัด โดยชุด เร่ง กับ เร็ว ให้เวลา 20 และ 10 วินาที ปืนกึ่งอัตโนมัติจึงได้เปรียบปืนลูกโม่ชัดเจน ความต้องการปืน 1911 ที่แม่นระดับยิงเป้าจึงเพิ่มอย่างรวดเร็ว ใช้โครงปืนทหาร เปลี่ยนใส่ลำกล้องใหม่กำหนดสเปกพิเศษระดับแข่งขัน ที่เรียกว่า “National Match Barrel” ตอกตัวย่อ NM ใช้ชิ้นส่วนคัดพิเศษใหญ่กว่ามาตรฐาน ค่อย ๆ แต่งทีละชิ้นให้เข้ากันได้พอดี จากปืนทหารสมบุกสมบัน กลายเป็นปืนยิงเป้าความแม่นยำสูงสุด



โคลท์ ที่ยังครองสิทธิบัตรปืน 1911 ทำขายในตลาดเอกชนใช้ชื่อ “กัฟเวิร์นเม้นท์” เห็นความต้องการปืนแข่งเช่นนี้ จึงทำรุ่นพิเศษ ใช้ลำกล้อง NM โครงและลำเลื่อนฟิตแน่นพอดี ติดศูนย์ยิงเป้า และออกแบบเซียร์ใหม่ ลดผิวที่ขบกับนกสับเพื่อให้ไกหลุดคม เพิ่มสปริงช่วยป้อง กันปืนลั่น ทุ่นเวลาการแต่งไกได้มาก ตั้งชื่อรุ่นว่า โกลด์คัพ เนชันแนลแมทช์ อาจกล่าวได้ว่าเป็นปืน “Factory Custom” แต่งพิเศษจากโรงงานกระบอกแรกของวงการ



ในช่วงที่โคลท์ประ สบปัญหาด้านการจัดการจนเกือบล้มละลาย ปืนคุณภาพสูงหลายรุ่นถูกยกเลิก ต่อมาเมื่อตั้งตัวได้จึงค่อย ๆ รื้อฟื้นปืนขายดีในอดีตมาผลิตใหม่ เนื่องจากชื่อ M1911 เป็นชื่อของทางการทหารไม่มีลิขสิทธิ์คุ้มครอง โคลท์จึง พยายามสร้างความแตกต่างโดยตั้งชื่อรุ่นพื้นฐานเป็น 1991 ก็ไม่ติดปากลูกค้าเหมือนชื่อเดิม แต่ “โกลด์คัพ” ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของโคลท์ นำกลับมาผลิตใหม่ได้รับการตอบรับอย่างดี



เมื่อระบบการแข่งขันเปลี่ยนไป การยิงแบบรณยุทธ์ได้รับความนิยมมากขึ้น ในปี 2017 โคลท์จึงแยกโกลด์คัพออกเป็นสองแนวอย่างชัดเจน คือ เนชันแนลแมทช์ เหล็กรมดำ สำหรับแข่งเป้านิ่ง กับ โทรฟี เหล็กสเตนเลส สำหรับแข่งรณยุทธ์ จุดที่แตกต่างนอกจากวัสดุ คือ รุ่นโทรฟีเน้นจับสูง ด้วยหลังอ่อนหางยาว และการปาดเนื้อโลหะที่โคนโกร่งไกขึ้นไปเล็กน้อย, เสริมส้นด้ามเป็นบ่อ รับแม็กกาซีนให้บรรจุได้เร็ว, ศูนย์หน้าเพิ่มเส้นรวมแสงสีแดง, นกสับเปลี่ยนเป็นแบบห่วงลดน้ำหนัก, ด้าม G10 สีขาวสลับฟ้า แทนด้ามไม้สีเข้มของรุ่นเนชันแนลแมทช์



โกลด์คัพ โทรฟี สเตนเลส ในรูปแบบล่าสุดนี้ สามารถใช้ลงแข่ง IDPA ในกลุ่มคัสตอมดีเฟนซีฟ (CDP), แข่ง USPSA รุ่น ซิลเกิลสแต็ค และ IPSC รุ่นคลาสสิกโดยไม่ต้องแต่งเติม แม้จะออกแบบให้เป็นปืนต่อสู้ แต่ความแม่นยำจากลำกล้อง NM ก็เทียบได้กับปืนแข่งยิงเป้า และใช้เป็นปืนพกซองนอก หรือปืนเฝ้าบ้านได้อย่างดี.




ราคาปืน Colt Gold Cup Trophy

Colt Gold Cup Trophy 2017 .45 ACP
พิกัด : สิงห์คอนเซ็บ ประมาณ 120,000 บ. (โควต้าเชียงใหม่)
พิกัด : ร้านอื่นๆ ประมาณ 135,000 – 160,000 ครับ (มีทั้งโควต้าเชียงใหม่ และกรุงเทพ)
ราคามือสองอยู่ที่ประมาณ 9 หมื่น ถึงแสนต้นๆ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก : dailynews , thaiammo



Loading...

อัพเดทราคาปืนสวัสดิการ ยี่ห้อ Berretta

BERETTA 92FS COMPACT

BRETTA 92FS COMPACT ขนาด 9 มม. ความยาว 4 นิ้ว บรรจุ 13+1 นัด โครง : อัลลอย / สไลด์ : เหล็กรมดำ *** ราคาปืนสวัสดิการ สตช.  63,500 บาท ***   จำหน่ายโดย ปืนสวัสดิการ นครบาลกันส์ สาขา สนามม้านางเลิ้ง สอบถามรายละเอียดโครงการได้ที่ 085-550-9229 (โอ) , 084-324-4771(พร) 090-264-3005 (บี) หรือ ID Line :bb-guns หรือ Line Officail : @gunsanamma

BERETTA 92FS

BRETTA 92FS  ขนาด 9 มม. ความยาว 5 นิ้ว บรรจุ 15+1 นัด โครง : อัลลอย / สไลด์ : เหล็กรมดำ *** ราคาปืนสวัสดิการ สตช.  63,500 บาท ***   จำหน่ายโดย ปืนสวัสดิการ นครบาลกันส์ สาขา สนามม้านางเลิ้ง สอบถามรายละเอียดโครงการได้ที่ 085-550-9229 (โอ) , 084-324-4771(พร) 090-264-3005 (บี) หรือ ID Line :bb-guns หรือ Line Officail : @gunsanamma

BERETTA M84 NIKEL

 BRETTA  M84 NIKEL ขนาด .380 ความยาว 3 นิ้ว บรรจุ 6+1 นัด โครง : ซาตินนิเกิล / สไลด์ : ซาตินนิเกิล   *** ราคาปืนสวัสดิการ สน.สก.  89,000 บาท ***   จำหน่ายโดย ปืนสวัสดิการ นครบาลกันส์ สาขา สนามม้านางเลิ้ง สอบถามรายละเอียดโครงการได้ที่ 085-550-9229 (โอ) , 084-324-4771(พร) 090-264-3005 (บี) หรือ ID Line :bb-guns Line หรือ Line Officail : @gunsanamma

BERETTA PX4 STORM OD-GREEN

ยี่ห้อ BERETTA PX4 STORM OD-GREEN ขนาด .45 ความยาว 4.5 นิ้ว บรรจุ 9+1 นัด โครง : โพลิเมอร์ / สไลด์ : เหล็กรมดำ *** ปืนสวัสดิการ สน.สก. 66,500 บาท ***  จำหน่ายโดย ปืนสวัสดิการ นครบาลกันส์ สาขา สนามม้านางเลิ้ง สอบถามรายละเอียดโครงการได้ที่ 084-324-4771,090-264-3005 (บี)  หรือ ID Line : @gunsanamma

BERETTA 92FS STAINLESS

BRETTA 92FS STAINLESS ขนาด 9 มม. ความยาว 5 นิ้ว บรรจุ 15+1 นัด โครง : อัลลอย / สไลด์ : แสตนเลส *** ราคาปืนสวัสดิการ สตช.  69,500 บาท ***   จำหน่ายโดย ปืนสวัสดิการ นครบาลกันส์ สาขา สนามม้านางเลิ้ง สอบถามรายละเอียดโครงการได้ที่ 085-550-9229 (โอ) , 084-324-4771(พร) 090-264-3005 (บี) หรือ ID Line :bb-guns หรือ Line Officail : @gunsanamma

BERETTA 21A BOBCAT

BRETTA 21A BOBCAT ขนาด .22 ความยาว 2 นิ้ว บรรจุ 7+1 นัด โครง : อัลลอย / สไลด์ : เหล็กรมดำ *** ปืนสวัสดิการ สน.อส. 55,000 บาท ***   จำหน่ายโดย ปืนสวัสดิการ นครบาลกันส์ สาขา สนามม้านางเลิ้ง สอบถามรายละเอียดโครงการได้ที่ 085-550-9229 (โอ) , 084-324-4771(พร) 090-264-3005 (บี) หรือ ID Line :bb-guns หรือ Line Officail : @gunsanamma


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : gunsanamma.com