โฉมใหม่ของลูกกรดอมตะ Ruger Mk.IV 22/45 LITE


Loading...

บิล รูเกอร์ (William B. Ruger) กับอเล็คซ์ สเตอร์ม (Alexander M. Sturm) จดทะเบียนตั้งบริษัท Sturm,Ruger & Co., Inc. เมื่อปี ค.ศ. 1949 เริ่มงานได้เพียงสองปีสเตอร์ม ผู้ดูแลด้านธุรกรรมตายลง,  รูเกอร์ที่แต่เดิมรับงานวิศวกรรมต้องดูแลเองรอบด้านดำเนินการต่อมาได้อย่างดีสามารถขยายงานจนบริษัทขึ้นชั้นเป็นผู้ผลิตปืนรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ  แต่ละปีขายปืนได้มากกว่าสองล้านกระบอก



เมื่อเริ่มก่อตั้ง รูเกอร์เป็นโรงงานเล็ก ๆ พนักงานไม่ถึงสิบคนทำปืนที่ บิล รูเกอร์ ออก แบบเองเพียงแบบเดียว เป็นปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด .22 LR ใช้ชื่อรุ่นว่า “Standard” มีความได้เปรียบคู่แข่งร่วมสมัยจากการออก แบบที่ชาญฉลาด คือใช้แผ่นเหล็กอัดขึ้นรูปสองซีกเชื่อมประกบเป็นโครงปืนแทนการกัดแต่งจากแท่งตัน, ลูกเลื่อนแบบแท่งกลมวิ่งในโครงปืน, สปริงแบบเส้นลวดแทนแหนบช่วยด้านอายุการใช้งานทั้งหมดทำให้ต้นทุนต่ำแต่ตัวปืนทนทานกว่าทำงานเรียบร้อยกว่าปืนที่ผลิตตามแบบเดิม และเนื่องจากลูกเลื่อนวิ่งอยู่ในโครงปืนศูนย์ที่ติดตั้งบนสันปืนจึงอยู่นิ่งไม่วิ่งไปมาเหมือนปืนยี่ห้ออื่นที่ติดศูนย์ไว้บนสันลำเลื่อน



 รูเกอร์ ทำปืน “สแตนดาร์ด” อยู่กว่าสามสิบปีโดยมีรุ่นยิงเป้าเสริมควบคู่กัน เรียกว่า มาร์ค-วัน ทาร์เก็ต (Mk.I Target) ลำกล้องหนาติดศูนย์ปรับได้ จนถึงปี 1982 จึงปรับเป็น มาร์ค ทู (Mk.II) เพิ่มความจุกระสุนจาก 9 เป็น 10 นัด, ปาดเนื้อเหล็กที่โครงด้านหลังให้จับดึงลูกเลื่อนได้ถนัดขึ้นและลูกเลื่อนเปิดค้างเมื่อยิงกระสุนหมดแม็ก พร้อมกับเพิ่มรุ่นวัสดุสเตนเลสและรุ่นด้ามตั้งเรียกว่า 22/45 ให้เลือกได้ จากนั้นปรับแบบอีกครั้งในปี 2004 เป็นรุ่น มาร์ค ทรี (Mk.III) ย้ายปุ่มปลดแม็กจากส้นด้ามไปไว้ที่ตำแหน่งโคนโกร่งไก, มีระบบตัดสะพานไก ถอดแม็กแล้วไกไม่ทำงาน, และเพิ่มกระเดื่องด้านซ้ายโครงลูกเลื่อนที่จะเผยออกมาให้สังเกตได้เมื่อมีกระสุนในรังเพลิง



วิวัฒนาการของปืนรูเกอร์ จากรุ่นหนึ่งถึงรุ่นสามเป็นแบบแต่งเติมเพิ่มรายละเอียด การทำงานยังเหมือนเดิมซึ่งผู้ที่ซื้อปืนในตระกูลนี้ไว้ไม่เคยผิดหวังด้านความทนทานและการทำงานที่เรียบร้อยไว้ใจได้  ถ้าจะมีจุดที่เจ้าของรายใหม่บ่นกันก็คือหลังจากถอดลูกเลื่อนออกทำความสะอาดแล้ว ประกอบกลับค่อนข้างยากเนื่องจากแท่งต้านสปริงลูกเลื่อนติดอยู่กับเรือนสปริงนกสับ เมื่อเสียบแท่งต้านสปริงเข้ากับโครงต้องให้ขายันนกสับลงในช่องพอดี ถ้าพลาดปืนจะไม่ทำงานต้องถอดออกมาเริ่มใส่กันใหม่  ซึ่งจุดนี้เองที่ รูเกอร์ แก้ไขล่าสุดออกมาเป็นรุ่น มาร์ค โฟร์ (Mk.IV)



จากเดิมที่ชุดลำกล้องและโครงลูกเลื่อนเสียบเข้ากับโครงด้ามทางด้านหน้ามีสลักขวางด้านสอดจากด้านล่างขึ้นมากั้นด้านหลัง รุ่นมาร์คโฟร์เปลี่ยนมาทำจุดหมุนด้านหน้าให้ตะขอที่โครงลูกเลื่อนเกาะแล้วหมุนพับด้านหลังลงสลักขวางบนโครงด้ามจะเสียบเข้ากับรูที่ท้ายห้องลูกเลื่อนพอดี  มีแป้นตัวล็อกอยู่ท้ายโครงปืน  การถอดก็เพียงกดแป้นนี้แล้วโยกลำกล้องลงยกส่วนท้ายขึ้นทั้งถอดและใส่กลับทำได้ง่ายมาก



 ปืนนายแบบสัปดาห์นี้ เป็นมาร์คโฟร์รุ่นแยกย่อย ชื่อเต็มว่า Mk.IV 22/45 Lite ตัวเลข 22/45หมายถึงขนาดกระสุน .22 ที่ทำด้ามเท่าปืน .45, Lite คือน้ำหนักเบาพิเศษใช้วัสดุอลูมินั่มอัลลอยด์เกรดอากาศยานทำห้องลูกเลื่อนส่วนหน้าที่เป็นปลอกครอบลำกล้องเหล็กยังเจาะรูลดน้ำหนัก  ตัวปืนชั่งได้ 710 กรัม เบากว่ารุ่นเหล็กล้วนถึง 500 กรัม  โดยรุ่น Lite มีรางรับอุปกรณ์มาตรฐานแบบพิคคาทินนีตั้งมาให้ด้วย.



--------------------------------
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช.