ปืนพกที่ติดอันดับขายดีที่สุดในโลก พัฒนาล่าสุด Glock 19 Gen 5


Loading...
เมื่อกองทัพออสเตรียมีโครงการซื้อปืนพกใหม่ในปี 1980 เพื่อใช้แทน วอลเธอร์ P38/P1 ที่ใช้มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง บริษัท กล็อก (Glock GmbH) เพิ่งมีอายุได้ 17 ปี คือก่อตั้งในปี 1963 ยังไม่เคยทำปืนมาก่อนเลย แต่สามารถรวบรวมนักยิงปืนมาระดมสมองร่วมกับวิศวกรของบริษัท ออกแบบปืนใหม่ใช้โครงโพลิเมอร์ และเข็มแทงชนวนอัดสปริง พุ่งกระแทกจอกชนวนโดยตรงไม่ต้องใช้นกสับ, ควบคุมการยิงด้วยระบบไก “เซฟ



 แอ๊คชั่น” (Safe Action) ที่ขึ้นลำแล้วลดเข็มครึ่งทางตลอดเวลา ได้ปืนที่ใช้งานคล่องตัว น้ำหนักเบา ดูแลง่ายด้วยกรรมวิธีแต่งผิวด้วยไนไตรด์ “เทนนิเฟอร์” (Tenifer) เอาชนะคู่แข่งที่เป็นบริษัทปืนชั้นนำหลายราย ได้สัญญาซื้อลอตแรก 30,000 กระบอก เริ่มส่งมอบในปี 1983 พร้อมกับวางขายในตลาดเอกชน ใช้ตัวเลข 17 เป็นชื่อรุ่น



 กล็อกทยอยออกรุ่นใหม่ คือ 18, 19 ไล่เรียงไปจนถึง 23 ในปี 1991 ครบ 10 ปี นับแต่ยื่นแบบกระบอกแรกให้กองทัพทดสอบ ยอดผลิตปืนกล็อก ณ เวลานั้น รวม 350,000 กระบอก โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มลูกค้าตำรวจและเอกชน คือ กล็อก 19 ที่จัดว่าเป็นระดับ “คอมแพ็ค” ลำกล้อง 4 นิ้ว จุกระสุน 15 นัด เทียบกับตัวมาตรฐานทหารคือ กล็อก 17 ลำกล้อง 4.5 นิ้วแมกกาซีน 17 นัด ปืนที่ผลิตช่วงแรกนี้ ต่อมาเรียกกันว่าเป็น “รุ่น 1” (Generation 1) โดยประมาณปี 1988 กล็อกปรับแบบเป็น “รุ่น 2” ภายในเปลี่ยนเข็มแทงชนวนกับตัวสมอล็อกเข็ม ภายนอกสังเกตได้ที่ลายกันลื่นหน้าหลังด้ามแบบร่องเหลี่ยมเพชร แทนแบบผิวกระดาษทรายรอบด้ามของรุ่นแรก และเพิ่มรุ่นใหม่ ๆ จนถึง กล็อก 32



ช่วงปี 1995 ถึง 2010 กล็อกเข้าสู่ “รุ่น 3” สังเกตได้ง่ายคือ หน้าด้ามทำร่องนิ้ว, มีหลุมรับนิ้วโป้ง และรางรับอุปกรณ์ช่วยเล็งใต้ลำกล้อง ภายในเปลี่ยนแกนสปริงลำเลื่อนเป็นแบบล็อกตัวสปริงไว้ด้วยกัน และเพิ่มรุ่นต่อไปจนถึง กล็อก 39 รวมทั้งออกแบบโครง SF (Short Frame) คือระยะเหนี่ยวไกสั้นกว่าเดิมให้เหนี่ยวได้ถนัดขึ้น ทั้งหมดนี้ การเรียก Gen 1 ถึง Gen 3 แม้จะแพร่หลายในกลุ่มผู้นิยมปืนกล็อก แต่ก็ยังไม่เป็นทางการ



 หลังปี 2010 กล็อกเริ่มสลักอักษร Gen 4 บนลำเลื่อน เป็นการยอมรับการจัดอันดับ รุ่น 4 โครงด้ามออกแบบใหม่ให้สามารถถอดเปลี่ยนหลังด้ามเพื่อปรับขนาดได้ และเปลี่ยนผิวกันลื่นด้านข้าง จากแบบกระดาษทรายเป็นตุ่มสี่เหลี่ยมเล็ก ออกแบบปุ่มล็อกแมกกาซีนให้กลับซ้ายขวาได้ และสปริงลำเลื่อนเปลี่ยนเป็นแบบสองชั้นซ้อนกัน ทำอยู่จนถึงปี 2015 โดยเพิ่มรุ่นถึง กล็อก 43



เริ่มในปี 2016 กล็อกปรับแบบเป็น Gen 5 โดยลบร่องนิ้วหน้าด้าม ทำผิวกันลื่นแบบตุ่มสี่เหลี่ยมรอบด้าม, หลังด้ามยังถอดเปลี่ยนได้สี่ขนาด, เพิ่มแป้นคันค้างลำเลื่อนด้านขวาสำหรับคนถนัดซ้าย, ลบเหลี่ยมให้ปลายลำเลื่อนด้านหน้าสอบเข้าหากันเล็กน้อย, ภายในเปลี่ยนลักษณะตัวสมอล็อกเข็มแทงชนวน ช่วยให้เหนี่ยวไกได้เรียบลื่นขึ้น ไกหลุดคมขึ้น และที่กล่าวขวัญกันมากคือ เปลี่ยนการเคลือบผิวโลหะ จาก “เทนนิเฟอร์” ของเดิม มาเป็น nDLC (Diamond Like Carbon) ซึ่งเป็นกระบวนการชุบไนไตรด์เหมือนกัน ให้สีต่างกันเล็กน้อย คุณสมบัติด้านต้านสนิมเท่าเทียมกัน.
 ..............................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  www.dailynews.co.th