Loading...
นายเอและนายบีเป็นพลเรือนที่มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และยินดีให้ข้อมูล โดยทั้งคู่อธิบายถึงวิธีการครอบครองอาวุธปืนว่า ปัจจุบันขั้นตอนการซื้ออาวุธปืนไม่ได้ยุ่งยากเหมือนที่ระบุไว้ในพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ อีกต่อไปแล้ว เพราะในความเป็นจริง ผู้ที่อยากจะมีปืนเป็นของตัวเอง เพียงแค่มีเงินและเส้นสายในระบบราชการก็สามารถมีใบอนุญาตซื้อและครอบครองอาวุธปืนได้อย่างง่ายดาย โดยได้ยกตัวอย่างกรณีของตนเองให้ฟัง
นายเอ เล่าว่า ด้วยความที่ครอบครัวของเขาสนิทสนมกับบุคคลในส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตเพื่อซื้อและครอบครองอาวุธปืน เมื่อต้องการจะครอบครองปืน เขาสามารถที่จะมอบของที่ระลึกเป็นสินน้ำใจตอบแทน เพื่อขอให้บุคคลที่สามารถอำนวยความสะดวกเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตซื้อและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองให้ โดยเรียกของที่ระลึก หรือสินน้ำใจนั้นว่า “ค่ากระดาษ” โดยนายเอ ระบุว่า หากไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว อัตราสินน้ำใจ ‘ค่ากระดาษ’ จะอยู่ที่ประมาณ 5,000-20,000 บาท ตามแต่จะถูกร้องขอ
“5,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมาก ส่วนใหญ่เขาจ่ายกันเป็นหมื่น เพราะเจ้าหน้าที่มีดุลพินิจตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย ถ้าเขาไม่ให้ เราก็มีปืนอย่างถูกกฏหมายไม่ได้ เว้นแต่เสียจะไปหาปืนเถื่อน ซึ่งก็เสี่ยงมากหากถูกตรวจพบ” นายเอระบุ ซึ่งหากพิจารณาตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ระบุว่า ในการขอใบอนุญาตจะมีค่าธรรมเนียมตามจริงอยู่ที่ 1-10 บาท เท่านั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของปืนที่ต้องการซื้อ
ขณะที่กรณีของนายบี ระบุว่า ในส่วนของตนต่างกับนายเอ ตรงที่ใช้บริการร้านจำหน่ายอาวุธปืนที่มีบริการดำเนินการวิ่งเต้นขอใบอนุญาตซื้อและมีอาวุธไว้ในครอบครอง โดยจ่ายเงินเพิ่มอีกประมาณ 20,000 บาท
“ร้านปืนส่วนใหญ่เขาจะให้เราเลือกเลยว่า จะให้เขาเดินเรื่องใบอนุญาตให้ด้วยหรือไม่ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่ทำเรื่องขออนุญาตเอง จะใช้เวลารอนานกว่า 6 เดือน ยิ่งบางคนที่ไม่มีเส้นสายในวงราชการอาจรอนานเป็นปี แต่หากให้ร้านที่จำหน่ายอาวุธปืนเดินเรื่องให้ จะใช้เวลาอย่างมากไม่เกิน 2 เดือน”
เป็นการให้ข้อมูลจากบุคคลที่มีประสบการณ์ตรงจากการซื้อปืนในยุคปัจจุบัน ที่แม้จะแตกต่างกันตรงวิธีการแต่ที่เหมือนกันคือ จะต้องมีการจ่ายเงินพิเศษในการดำเนินเรื่องกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในอัตรา 5,000-20,000 บาท หรือที่ในวงการรู้จักกันว่า “ค่ากระดาษ”นั่นเอง
ที่มา : tcijthai