Loading...
กับคำถามข้างต้นที่ว่า "ปืนอะไรดีกว่า?" บอกตรงๆ ว่าแนะนำให้ได้ แต่ตัดสินใจแทนเลยคงจะไม่ได้ครับ เพราะเงื่อนไขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลองมาดูกันครับว่าปืน 2 ชนิดนี้มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร แต่เพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวเกินไป ในการเปรียบเทียบข้อเสียของปืนทั้งสองชนิดขออนุญาตยกไปครั้งหน้าครับ
ข้อดีของ ปืนลูกโม่ (Revolver)
1. ใช้งานง่ายกลไกไม่ซับซ้อน เหมาะทั้งมือใหม่มือเก่า
2. เมื่อกระสุนด้าน สามารถเหนี่ยวไกยิงนัดต่อไปได้ทันที
3. ส่วนใหญ่สามารถเลือกยิงได้ทั้งแบบซิงเกิ้ลแอคชั่น (ง้างนกก่อนเหนี่ยวไก) และดับเบิ้ลแอคขั่น (ไม่ต้องง้างนกก่อนเหนี่ยวไก) ซึ่งอาจจำเป็นสำหรับบางคนที่เหนี่ยวไกแบบดับเบิ้ลไม่ไหว
4. ยิงกระสุนได้ทุกแบบในโม่เดียวกัน ไม่เรื่องมากกับแบบของหัวกระสุน ไม่ว่าจะหัวบอล หัวรู หัวลูกปราย หัวเกรเซอร์ ยิงได้สบาย
5. ปืนบางรุ่นสามารถยิงกระสุนที่มีขนาดหน้าตัดเท่ากันได้หลายขนาด เช่น ปืนขนาด .357 แม๊กนั่ม สามารถยิงลูก .38 สเปเชี่ยลได้ หรือ .22 LR ก็สามารถยิงลูก .22 Long หรือ .22 Short ได้
6. ทนทาน อึดถึก ทน ดูแลรักษาง่าย ไม่ค่อยจู้จี้จุกจิก
.
** บางคนเขาว่าข้อดีของลูกโม่ : "ไม่เลือกความแรงของกระสุน" อันนี้คงต้องค้านหน่อย หลายๆ รุ่นไม่สามารถยิงลูกประเภท +P หรือ +P+ (แรงพิเศษ) ได้นะครับ
ข้อดีของ ปืนลูกโม่ (Revolver)
1. ใช้งานง่ายกลไกไม่ซับซ้อน เหมาะทั้งมือใหม่มือเก่า
2. เมื่อกระสุนด้าน สามารถเหนี่ยวไกยิงนัดต่อไปได้ทันที
3. ส่วนใหญ่สามารถเลือกยิงได้ทั้งแบบซิงเกิ้ลแอคชั่น (ง้างนกก่อนเหนี่ยวไก) และดับเบิ้ลแอคขั่น (ไม่ต้องง้างนกก่อนเหนี่ยวไก) ซึ่งอาจจำเป็นสำหรับบางคนที่เหนี่ยวไกแบบดับเบิ้ลไม่ไหว
4. ยิงกระสุนได้ทุกแบบในโม่เดียวกัน ไม่เรื่องมากกับแบบของหัวกระสุน ไม่ว่าจะหัวบอล หัวรู หัวลูกปราย หัวเกรเซอร์ ยิงได้สบาย
5. ปืนบางรุ่นสามารถยิงกระสุนที่มีขนาดหน้าตัดเท่ากันได้หลายขนาด เช่น ปืนขนาด .357 แม๊กนั่ม สามารถยิงลูก .38 สเปเชี่ยลได้ หรือ .22 LR ก็สามารถยิงลูก .22 Long หรือ .22 Short ได้
6. ทนทาน อึดถึก ทน ดูแลรักษาง่าย ไม่ค่อยจู้จี้จุกจิก
.
** บางคนเขาว่าข้อดีของลูกโม่ : "ไม่เลือกความแรงของกระสุน" อันนี้คงต้องค้านหน่อย หลายๆ รุ่นไม่สามารถยิงลูกประเภท +P หรือ +P+ (แรงพิเศษ) ได้นะครับ
ข้อดีของ ปืนแม็กกาซีน (Semi-Automatic)
1. บรรจุกระสุนได้ครั้งละมากๆ
2. รังเพลิงกับลำกล้องเป็นชิ้นส่วนเดียวกัน ไม่มีแก๊สรั่วจึงได้ความเร็วกระสุนเต็มที่
3. สามารถออกแบบปืนให้แบนและบางเหมาะสมกับการพกซ่อนได้ดีกว่า
4. การยิงซ้ำในนัดต่อไปทำได้เร็วกว่า โดยส่วนใหญ่ดีไซน์และกลไกของปืนเซมิฯ จะเอื้อต่อการยิงซ้ำได้ดีกว่าลูกโม่ ถึงขนาดบางรุ่นโรงงานผลิตออกมาให้สามารถยิงแบบฟูลออโต้ฯ ได้เลย เช่น Glock 18C เป็นต้น
.
** บางคนเขาว่าข้อดีของปืนแม็กกาซีน :
- "บรรจุกระสุนได้เร็วกว่าด้วยแม๊กกาซีน" สมัยนี้ปืนลูกโม่มีอุปกรณ์ช่วยบรรจุให้เล่นมากมาย เช่น มูนคลิป สปีดโหลดเดอร์ หรือเจ็ทโหลดเดอร์ หากฝึกใช้งานดีๆ ผมว่าบรรจุได้เร็วไม่แพ้กัน
- "ระบบความปลอดภัยดีกว่า" ไม่น่าใช่นะครับ การที่ปืนกึ่งอัตโนมัติมีระบบความปลอดภัยมากมายหลายชั้นไม่ได้แปลว่ามันดีกว่า จะสรุปเอาข้างใดข้างหนึ่งเลยคงไม่ยุติธรรม มันขึ้นอยู่กับปืนแต่ละรุ่นมากกว่าครับ
- "ทำความสะอาดได้ทั่วถึงดีกว่า" จริงๆ แล้วถ้าเรียนรู้วิธีการถอดล้างทำความสะอาด ปืนทั้งสองชนิดก็ถอดล้างยากง่ายแทบจะไม่ต่างกันเลยครับ
.
ก็ลองพิจารณาดูนะครับ สำหรับข้อดีของปืนทั้งสองชนิด
1. บรรจุกระสุนได้ครั้งละมากๆ
2. รังเพลิงกับลำกล้องเป็นชิ้นส่วนเดียวกัน ไม่มีแก๊สรั่วจึงได้ความเร็วกระสุนเต็มที่
3. สามารถออกแบบปืนให้แบนและบางเหมาะสมกับการพกซ่อนได้ดีกว่า
4. การยิงซ้ำในนัดต่อไปทำได้เร็วกว่า โดยส่วนใหญ่ดีไซน์และกลไกของปืนเซมิฯ จะเอื้อต่อการยิงซ้ำได้ดีกว่าลูกโม่ ถึงขนาดบางรุ่นโรงงานผลิตออกมาให้สามารถยิงแบบฟูลออโต้ฯ ได้เลย เช่น Glock 18C เป็นต้น
.
** บางคนเขาว่าข้อดีของปืนแม็กกาซีน :
- "บรรจุกระสุนได้เร็วกว่าด้วยแม๊กกาซีน" สมัยนี้ปืนลูกโม่มีอุปกรณ์ช่วยบรรจุให้เล่นมากมาย เช่น มูนคลิป สปีดโหลดเดอร์ หรือเจ็ทโหลดเดอร์ หากฝึกใช้งานดีๆ ผมว่าบรรจุได้เร็วไม่แพ้กัน
- "ระบบความปลอดภัยดีกว่า" ไม่น่าใช่นะครับ การที่ปืนกึ่งอัตโนมัติมีระบบความปลอดภัยมากมายหลายชั้นไม่ได้แปลว่ามันดีกว่า จะสรุปเอาข้างใดข้างหนึ่งเลยคงไม่ยุติธรรม มันขึ้นอยู่กับปืนแต่ละรุ่นมากกว่าครับ
- "ทำความสะอาดได้ทั่วถึงดีกว่า" จริงๆ แล้วถ้าเรียนรู้วิธีการถอดล้างทำความสะอาด ปืนทั้งสองชนิดก็ถอดล้างยากง่ายแทบจะไม่ต่างกันเลยครับ
.
ก็ลองพิจารณาดูนะครับ สำหรับข้อดีของปืนทั้งสองชนิด
