ผมเป็นทหารอเมริกันมาจะ 6 ปี และรูปแบบการฝึกของที่นี่หนัก ผมเคยโดนทำโทษแล้วก็เป็นคนลงโทษทหาร แต่เรื่องทำร้ายร่างกายทหารเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในกองทัพอเมริกา ทุกอย่างอยู่ในกรอบและตามกฎเกณฑ์ ไม่มีการทำร้ายร่างกายทหารจากทหารด้วยกันเองหรือว่าจากครูฝึก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองทัพอเมริกาไม่ต้องเกณฑ์ทหาร คนแห่กันสมัคร กองทัพไทยต้องเปลี่ยนตรงนี้ ไม่ใช่มียศหน่อยก็สั่งทำร้ายร่างกายคนอื่นได้ เมืองไทยมียศจะดูมี Power มาก ๆ ซึ่งต่างจากที่นี่ไม่ว่าจะยศอะไร คุณคือคนธรรมดาทั่วไป ทหาร คือ ฮีโร่ของประชาชนก็แค่นั้น หน้าที่ของคุณ คือ ตื่นเช้าไปทำงาน ไปรับใช้ประเทศ ทหารไม่มีสิทธิ์ไปลงไม้ลงมือหรือทำร้ายใครทั้งนั้น นอกจากศัตรูของชาติ และอีกเรื่องพวกชอบเอาพลทหารไปเป็นคนรับใช้ที่บ้าน พวกนี้น่าขยะแขยงไร้เกียรติ
และบนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความของคุณกานดา นาคน้อย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยคอนเน็ตทิคัต สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้โพสต์เฟซบุ๊คแสดงควมคิดเห็นเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารในสังคมไทย ซึ่งแตกต่างจากในสหรัฐอเมริกา โดยเผยว่า สหรัฐฯไม่มีทหารเกณฑ์แล้วทำอย่างไรถึงมีคนหนุ่มสาวมาสมัครเป็นทหาร? ก็ใช้ทุนการศึกษาและสวัสดิการเป็นแรงจูงใจ นักศึกษาวิทยาลัยการทหารเวสปอยต์เรียนฟรีด้วยภาษีแต่ก็ไม่ได้เข้าง่ายๆ
ส่วนวิทยาลัยทหารกองหนุนให้ทุนการศึกษาแล้วส่งไปเรียนวิชาการที่มหาลัยพลเรือน หลังเรียนจบต้องทำงานใช้ทุน 8 ปีก็ลาออกมาทำงานเอกชนได้ คนจบวิศวกรรมก็ออกไปทำงานเป็นวิศวกรเหมือนวิศวกรทั่วไปได้ ใครชอบเป็นทหารก็อยู่ในกองทัพต่อไป อยู่ในกองทัพต่อก็มีสวัสดิการสารพัด เช่น สวัสดิการรักษาพยาบาล สวัสดิการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อซื้อบ้าน สวัสดิการบำนาญ ฯลฯ
สามีตนเป็นวิศวกร มีเพื่อนที่เคยเป็นทหารมาก่อนหลายคน บางคนเป็นวิศวกรเอกชนไม่กี่ปีพบว่าไม่ชอบเท่าตอนเป็นทหารก็สมัครเข้ากองทัพใหม่ได้ ตนเองก็เคยสอนทหารกองหนุนที่มาลงเรียนวิชาการเงินระหว่างประเทศ ทหารอเมริกันเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับพลเรือนมากกว่าทหารไทยมาก
แต่ก็ยังโดนวิจารณ์ว่ายังพยายามไม่พอ ทหารเก่าบางคนเสนอให้ยุบเวสปอยต์ทิ้งแล้วให้ไปเรียนร่วมกับพลเรือนแบบหารกองหนุนด้วยซ้ำ เพราะนายพลเก่งๆจำนวนมากไม่ได้มาจากเวสปอยต์ เช่น โคลิน พาวเวลล์ก็จบจากวิทยาลัยทหารกองหนุนกองทัพสหรัฐนับเป็นหนึ่งในกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในแง่ยอดกำลังพล กำลังพลได้มาจากอาสาสมัครจำนวนมากซึ่งได้รับค่าตอบแทน แม้ในอดีตจะมีการเกณฑ์ทหารทั้งในยามสงครามและยามสงบ
แต่ไม่มีการเกณฑ์ทหารอีกนับแต่ ค.ศ. 1972 ใน ค.ศ. 2013 สหรัฐมีรายจ่ายเพื่อสนับสนุนกองทัพราว 554,200 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปีและจัดสรรงบประมาณราว 88,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการการเผชิญเหตุโพ้นทะเล (Overseas Contingency Operation) เมื่อรวมกันแล้ว สหรัฐมีรายจ่ายทางทหารเป็นร้อยละ 39 ของรายจ่ายทางทหารโลก
ที่มา คุณกานดา นาคน้อย , ตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ , สมาชิกพันทิป spider_mIn
